ทำ SEO กับเหตุผลว่าทำไม เจ้าของเว็บไซต์ต้องทำ สำหรับคนมีเว็บไซต์
- |
- Post By : Admin
- |
- On : 3 FEB 2024
SEO คืออะไร?
SEO (Search Engine Optimization) คือกลยุทธ์และกระบวนการที่ใช้เพื่อปรับแต่งเว็บไซต์หรือเนื้อหาอื่น ๆ ในเว็บเพื่อให้เหมาะสมกับการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google โดยเป้าหมายคือการเพิ่มปริมาณและคุณภาพของการเข้าถึงเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังเน้นการเพิ่มความเชื่อมั่นและความเข้าใจของเว็บไซต์ในเชิงเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ด้วย โดย SEO มุ่งเน้นการให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาอย่างดีที่สุดเมื่อผู้คนค้นหาคำหรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาที่คุณมีในเว็บไซต์ของคุณ โดยทั่วไป SEO นับเป็นส่วนสำคัญของการตลาดออนไลน์เนื่องจากมีผลต่อการเพิ่มผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์และการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ได้โดยตรง
ประโยชน์ของการทำ SEO
การทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อปรับปรุงและเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือเนื้อหาในการทำให้เว็บไซต์นั้นติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google หรือ Bing ซึ่งประสิทธิภาพของ SEO สามารถส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ความน่าเชื่อถือ และการเพิ่มยอดขายได้โดยตรง
ประโยชน์หลักของการทำ SEO ได้แก่:
- เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์: เมื่อเว็บไซต์ติดอันดับสูงในผลการค้นหา จะมีโอกาสให้ผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น เนื่องจากผู้ค้นหามักเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ปรากฏในอันดับแรกของผลการค้นหามากกว่า
- เพิ่มยอดขายและกำไร: การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เมื่อเว็บไซต์ติดอันดับสูง สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรได้โดยตรงผ่านการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้า
- สร้างความน่าเชื่อถือและบทบาทในตลาด: เว็บไซต์ที่ติดอันดับสูงในผลการค้นหามักถูกมองว่ามีคุณภาพและเชื่อถือได้ ซึ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในตลาดและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มเป้าหมาย
- ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา: เมื่อเว็บไซต์มีการเพิ่มความน่าเชื่อถือและติดอันดับสูงในผลการค้นหา อาจทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาผ่านช่องทางอื่น เนื่องจากมีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านการค้นหาโดยตรง
SEO vs SEM ต่างกันอย่างไร
SEO (Search Engine Optimization) คือกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์หรือเนื้อหาในเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์นั้นๆ ปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google โดยซึ่งเป็นวิธีการที่ธุรกิจหรือเว็บไซต์สามารถเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ให้กับเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งานได้ ลองเชคตัวเว็บไซต์ ค่า SEO ที่นี้ เชคการทำ SEO ได้ที่นี้ https://www.semrush.com/SEM (Search Engine Marketing) นั้นเป็นกระบวนการการตลาดที่ใช้โฆษณาจ่ายเพื่อโปรโมทเว็บไซต์หรือสินค้าบริการผ่านเครื่องมือค้นหา เช่น Google Ads หรือ Bing Ads โดย SEM จะใช้การโฆษณาจ่ายเพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏขึ้นในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา โดยทั่วไป SEM มักจะมีการใช้โฆษณาแบบ PPC (Pay-Per-Click) ซึ่งหมายถึงการจ่ายเงินเมื่อมีการคลิกโฆษณา
ความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง SEO กับ SEM คือ:
-
SEO เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหา ในขณะที่ SEM เน้นการใช้โฆษณาจ่าย
SEO มีค่าใช้จ่ายต่อการปรับแต่งและบำรุงรักษาเว็บไซต์ ในขณะที่ SEM มีค่าใช้จ่ายต่อการโฆษณาและคลิก
SEO มักจะใช้เวลาในการเห็นผลและอาจมีความยากลำบากในการจัดอันดับ เนื่องจากต้องพัฒนาเนื้อหาและการเชื่อมโยงให้มีคุณภาพ เมื่อ SEM มักสามารถเริ่มดำเนินการโฆษณาและเห็นผลได้ทันที แต่ต้องมีงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการโฆษณา
วิธีการทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google ต้องทำอย่างไร
การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรกในผลการค้นหาของ Google ต้องปฏิบัติตามกฎกำหนดและเน้นทำการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งาน นี่คือขั้นตอนหลักๆ ที่คุณสามารถทำเพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงขึ้นใน Google:
- ค้นหาคำสำคัญ (Keyword Research): ใช้เครื่องมือค้นหาคำสำคัญเพื่อหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณที่มีปริมาณค้นหาสูง และมีความนิยมโดยผู้ใช้งาน Google
- เนื้อหามีคุณภาพ: สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ สมเหตุสมผล และน่าสนใจสำหรับผู้อ่าน เนื้อหาควรเป็นประโยชน์และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน
- การเชื่อมโยง (Link Building): สร้างการเชื่อมโยงภายนอกจากเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสำคัญของเว็บไซต์ของคุณในสายงานของ Google
- การปรับแต่งเว็บไซต์ (On-Page Optimization): ปรับแต่งเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ เช่น การใช้คำสำคัญในเนื้อหา การใช้ meta tags ที่เหมาะสม การปรับขนาดภาพ เป็นต้น
- ความเร็วในการโหลด (Page Speed): แน่ใจให้เว็บไซต์ของคุณโหลดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ Google ให้ความสำคัญ
- การใช้งาน Mobile-friendly: แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเป็น responsive และสามารถใช้งานได้สะดวกบนอุปกรณ์มือถือ การให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี (User Experience): สร้างเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ดี สะดวกและน่าสนใจสำหรับผู้ใช้งาน การวิเคราะห์และปรับปรุง (Analytics and Iteration): ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อติดตามและวิเคราะห์ผลการทำ SEO และปรับปรุงกิจกรรมต่อไป
การสร้าง backlink ต้องทำอย่างไร
- การสร้าง backlink เป็นกระบวนการสำคัญในการทำ SEO
- สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า : สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เนื้อหาที่มีคุณภาพมักจะได้รับการแชร์และลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ
- ติดต่อเจ้าของเว็บไซต์
- การเขียนบทความแขวนลิงก์
- การใช้ Social Media
- การเข้าร่วมชุมชนออนไลน์
เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์และช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google โดยมีวิธีการสร้าง backlink อยู่หลายวิธีดังนี้:
: ค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือสาระความรู้ที่คุณสร้างเนื้อหาเกี่ยวข้องกับนั้น และติดต่อเจ้าของเว็บไซต์เหล่านั้นเพื่อขอให้พวกเขาสร้าง backlink ไปยังเนื้อหาของคุณ
: เขียนบทความเกี่ยวกับหัวข้อที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณบนเว็บไซต์อื่นๆ และแขวนลิงก์ไปยังเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ
: โพสต์เนื้อหาของคุณบนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, LinkedIn เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้คนที่มีอินเทอร์เน็ตพบเนื้อหาของคุณและสร้าง backlink ไปยังเว็บไซต์ของคุณ
: เข้าร่วมกระทู้อภิปรายหรือชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณและแบ่งปันความรู้หรือเสนอคำแนะนำ ซึ่งอาจทำให้คุณได้รับการกล่าวถึงและสร้าง backlink ไปยังเว็บไซต์ของคุณ การเข้าร่วมกระบวนการ Guest Blogging: เข้าร่วมการเขียนบทความในเว็บไซต์ของคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณและแขวนลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณในบทความนั้น
อ่านบทความ SEO เพิ่มเติม
- Bing Shopping : เริ่มปรับใช้การเปรียบเทียบระหว่างตัวสินค้าแล้ว
- Content is King : หลักการทำ SEO ที่ไม่ควรลืม
- Bing Shopping : เริ่มปรับใช้การเปรียบเทียบระหว่างตัวสินค้าแล้ว
- เขียนคอนเท้นท์สั้นกะทัดรัด:เทคนิคใหม่ของการทำ SEO
- ปี 2020 Algorihm ของ Google อัพเดทอะไรบ้าง :คอร์อัพเดท การindexing และ page experience